อนุทินที่3
วิเคราะห์ข่าวกฎหมายการศึกษา
ฉาวอีก! ครูฝ่ายปกครองทำร้าย นร.หญิง
แค่ไม่พอใจน้ำเสียง
ฉาวอีก! ครูฝ่ายปกครอง
โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.ชัยนาท ทำร้ายนักเรียนหญิง
สาเหตุแค่ไม่พอใจนักเรียนพูดขึ้นเสียง
วันนี้ 3 ต.ค.
เกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นกับวงการศึกษาไทยอีกครั้งเมื่อนักเรียนหญิงชั้น
ม.ปลายโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.ชัยนาท ได้โพสต์ภาพร่องรอยบาดแผลที่เธออ้างว่าถูกอาจารย์ฝ่ายปกครอง
ทำร้ายด้วยการชกจนเธอได้รับบาดเจ็บ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ใช้งานเฟซบุ๊คได้โพสต์ภาพที่เธออ้างว่าเป็นร่องรอยที่เธอถูกอาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงเรียนที่เธอเรียนอยู่ในระดับชั้น
ม.5 ซึ่งเป็นโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัดชัยนาท ถูกทำร้ายเมื่อวันที่ 27 กันยายน
ที่ผ่านมา
โดยเล่าว่าสาเหตุมาจากเรื่องที่เธอต้องการเข้าไปในบริเวณโรงเรียนเพื่อส่งงานกับอาจารย์ประจำวิชาที่เธอค้างงานอยู่
แต่เกิดการโต้เถียงกับอาจารย์ฝ่ายปกครองผู้ชาย
ที่ยืนยันไม่ยอมให้เธอเข้าไปในบริเวณโรงเรียนโดยต้องการให้ไปตามอาจารย์ประจำวิชามารับงานที่ประตูทางเข้าโรงเรียนเท่านั้น
อาจารย์ฝ่ายปกครองได้ถามซ้ำๆกับเธอว่าจะเข้าไปทำไม
จนเธอเองตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้น ทำให้อาจารย์ฝ่ายปกครองไม่พอใจ
ปรี่เข้าทำร้ายเธอด้วยการตบที่กกหู จากนั้นจึงเกิดการยื้อยุดกัน
ครูฝ่ายปกครองได้ใช้หมัดชกเข้าที่หน้าอกจนได้รับบาดเจ็บตามภาพ
ทีมข่าวติดต่อไปยัง น.ส.เอ (นามสมมติ)
เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม ทราบว่า
หลังจากเกิดเหตุเธอและผู้ปกครองได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.เมืองชัยนาท
โดยร้อยเวรบอกว่าจะนัดสอบปากคำภายหลัง
และในส่วนของโรงเรียนเองก็มีการกำลังตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยอาจารย์ฝ่ายปกครองคนดังกล่าวอยู่
ซึ่งหากพบการกระทำผิดจริง จะต้องมีความผิดและต้องถูกลงโทษ
โดย น.ส.เอ
บอกว่ากรณีของเธอไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกอาจารย์ฝ่ายปกครองคนนี้ทำร้ายร่างกาย
เพราะเท่าที่ทราบมีมากกว่า 3 คนที่เคยถูกทำร้ายแต่เรื่องเงียบเพราะมีการติดต่อขอชดใช้ด้วยเงินเพื่อไม่ให้เอาเรื่อง
แต่สำหรับตนแล้วต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพราะไม่ต้องการให้อาจารย์คนดังกล่าวไปทำร้ายนักเรียนคนอื่นได้อีก
ทั้งนี้อาจารย์คนดังกล่าวได้กล่าวยอมรับกับผู้ปกครองของ น.ส.เอ
ว่าเป็นคนที่มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์
ล่าสุดนายถวัลย์ ตันธีรพงษ์
ผู้อำนวยการโรงเรียนชัยนาทพิทยาคม ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า
ได้ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอาจารย์คนดังกล่าว พร้อมกำชับให้ได้ผลการสอบสวนภายใน 30
วัน และในช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมของทางโรงเรียน
จึงยังไม่มีการดำเนินการใดๆเพื่อรอผลการสอบสวน แต่ในเทอมการศึกษาหน้า
ทางโรงเรียนจะมีการปรับย้ายอาจารย์คนดังกล่าวให้พ้นงานฝ่ายปกครอง
ให้ไปทำหน้าที่ด้านอื่นๆ เพื่อลดการสัมผัสกับเด็ก ซึ่งโดยนิสัยส่วนตัวแล้ว
อาจารย์คนดังกล่าวมีนิสัยใจร้อนมักมีการลงโทษนักเรียนที่รุนแรงจริง
ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อกับอาจารย์ฝ่ายปกครองดังกล่าว
ได้คำตอบว่าเดินทางไปทำธุระที่ จ.นครปฐม ยังไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูลกับทีมข่าว
แต่จะนัดเข้าให้รายละเอียดในภายหลัง ส่วนทางด้านคดีความ ร้อยเวรเจ้าของคดี
ได้นัดหมาย น.ส.เอ เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมในช่วงบ่ายวันนี้ (3 ต.ค.) ซึ่ง น.ส.เอ
และผู้ปกครองยืนยันว่าต้องการให้ดำเนินคดีกับอาจารย์คนดังกล่าวให้ถึงที่สุด
ที่มา: http://news.mthai.com/general-news/547319.html
จากการที่ข้าพเจ้าได้อ่านข่าวฉาวอีก!
ครูฝ่ายปกครองทำร้าย นร.หญิง แค่ไม่พอใจน้ำเสียง ทำให้เกิดความรู้สึกเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
สามารถมองได้เด่นชัดเลยว่าครูกระทำเกินกว่าเหตุ
ถึงแม้ว่าครูจะบอกว่าตนเป็นคนอารมณ์ร้อน
แต่ครูต้องคำนึงด้วยว่าตนเองอยู่ในสถานะอาชีพของคำว่า “ครู” ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ ข่มใจตัวเอง
เมื่อเราได้รับมอบหมายหน้าที่ตรงนั้นแล้วต้องรู้จักคำว่าแยกแยะ
ต้องรู้จักในหน้าที่ ต้องพยายามหาข้อเท็จจริงจากเรื่องราวของเด็กให้ได้ก่อน ถ้าหากพบว่ามีความผิดจริงครูควรแก้ปัญหาด้วยเหตุผลไม่ใช่แค่เอาอารมณ์เพียงชั่ววูบของตัวเองมาตัดสิน
และการลงโทษนั้นไม่ใช่ว่าลงโทษเด็กไม่ได้ แต่ครูต้องรู้จักการทำโทษที่ถูกวิธี
และเหมาะสมกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จากเหตุการณ์ตามข่าวเรื่องนี้พบว่านักเรียนก็ยังมีส่วนผิดคือยังมีการขึ้นเสียงโต้เถียงกันระหว่างนักเรียนและครูทำให้ครูมีอารมณ์โกรธแต่ก็สะท้อนให้เห็นเลยว่าเมื่อมีอารมณ์ร้อนขึ้นมาครูจึงไม่ได้ใช้สติเข้ามาควบคุมแต่ครูจัดการและแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ตัวเองล้วนๆโดยการเอาอารมณ์มาไว้เหนือเหตุผลจึงเกิดเป็นเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น
ซึ่งจากเหตุการณ์ตามข่าวนี้พบว่าเป็นการกระทำของครูที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
และมีความผิดจรรยาบรรณในวิชาชีพครู และมีความผิดทางกฎหมายเพิ่มขึ้นอีกด้วยคือการทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับความบาดเจ็บอีกด้วย
ในฐานะที่ดิฉันเรียนครู คณะครุศาสตร์
หลักสูตรภาษาอังกฤษ และกำลังจะไปเป็นครูในอนาคต ดิฉันคิดว่าการไปประกอบอาชีพครูนอกจากเราจะต้องมีความรู้ในสาขาวิชาที่ถนัดเพื่อนำไปสั่งสอนศิษย์แล้วสิ่งที่ครูจะต้องมีคือจรรยาบรรณในวิชาชีพครู
เราจะต้องเป็นครูที่มีจิตวิญญาณความเป็นครูมาจากข้างใน จะต้องเป็นครูมืออาชีพมิใช่ทำเพียงแค่มันคืออาชีพครู
จะต้องมีความอดทน อดกลั้น รู้จักควบคุมข่มอารมณ์ตนเอง แยกแยะตัดสินและแก้ไขปัญหาที่มันเกิดขึ้นได้
นอกจากนี้การเป็นครูที่ดีแล้วควรนำหลักธรรมต่างๆเข้ามาปรับใช้แก้ไขให้เหมาะสมกับหน้าที่ของตน
และนอกจากหลักธรรมแล้ว คุณธรรมสำหรับครูก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญซึ่งครูจะต้องมีคุณธรรมที่อยู่ในจิตใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คุณธรรมสำหรับครูนั้น พระพุทธองค์ตรัสไว้ในพระสูตร มีอยู่ 7 ประการ คือ 1.ปิโย
เป็นผู้น่ารัก คือครูจะต้องทำตัวเป็นที่น่ารัก น่าเอ็นดู
ไม่ทำตัวเป็นขยะของสังคม ทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกศิษย์
ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่สังคม ไม่เป็นที่น่าเกลียดของคนอื่น ในที่นี้ไม่ใช่ว่า
ครูจะต้องเป็นคนสวย รูปหล่อ แต่กิริยาอาการต่างหากที่ทำให้ครูเป็นผู้ที่น่ารัก 2.ครุ เป็นที่น่าเคารพ หมายถึงครูนั้นจะต้องเป็นผู้ที่ทำตนให้น่าเคารพบูชาของบุคคลทั่วไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นที่เคารพของลูกศิษย์ 3.ภาวนีโย เป็นผู้ที่น่ายกย่อง ครูจะต้องทำตัวให้น่ายกย่องชมเชย
จะต้องรู้จักการอบรมตนในสิ่งที่ดีงาม สร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่สังคม
อย่าได้ทำในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ หรือไม่ได้รับการยกย่อง 4.วัตตา เป็นผู้ที่รูจักพูด
สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ครูจะต้องคำนึงถึงก็คือการพูดจา
คำพูดที่ครูใช้จะต้องเป็นคำพูดทีมีเหตุผล ไม่พูดเหลาะแหละ เป็นคำพูดที่น่าเชื่อถือ
ให้ความจริงแก่ทุกคน พูดถูกกาลเทศะ พูดในสิ่งที่เกิดประโยชน์ พยายามละการพูดถึงสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์
สาเหตุไม่ได้ พูดง่าย ๆ ก็คือคุณธรรมข้อนี้ เป็นคุณธรรมเกี่ยวกับการพูดจา
ให้ระวังคำพูดของตนเอง ควรรู้ในสิ่งที่ควรพูด สิ่งไหนไม่ควรพูด 5.วจนักขโม รู้จักอดทนต่อถ้อยคำ การเป็นครูต้องอดทนต่อการพูดจาถากถาง
หรือทนต่อถ้อยคำอันไม่พึงปรารถนา คุณธรรมข้อนี้
เป็นคุณธรรมที่ครูจะต้องพยายามทำให้ได้
เพราะหากครูไม่สามารถอดทนต่อคำกล่าวที่ไม่สบอารมณ์ได้แล้ว สิ่งอื่น ๆ
ครูก็ไม่สามารถที่จะทำได้เช่นกันความอดทนอดกลั้นนั้น
เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ว่าจะเป็นครู หรืออาชีพอื่น จะต้องมีในตัวเอง 6.คัมภีรัง กถัง
กัตตา เป็นผู้ชี้แจงได้ลึกซึ้ง การเป็นครูนั้น
จะต้องประกอบด้วยความรู้ในแขนงต่าง ๆ สามารถอธิบายหรือชี้แจงได้อย่างถูกต้อง
ชัดถ้อยชัดคำ สามารถอธิบายเรื่องยากให้ง่ายได้
ครูจะต้องสามารถอธิบายถึงสิ่งที่ดีงามและเป็นประโยชน์แก่ลูกศิษย์
เรื่องใดที่ลุ่มลึก ครูจะต้องสามารถชี้แจงให้เข้าใจได้
ดังนั้นครูจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้อย่างแจ่มแจ้ง
หรือรู้ชัดแจ้งในสาขาวิชาที่ตนเองศึกษาเล่าเรียนมา หรือในวิชาที่สอน
หรือสามารถให้คำปรึกษาแก่นักเรียนทุกเรื่อง ทุกแขนงที่นักเรียนมีปัญหา
จึงจะได้ชื่อว่าเป็นครูอย่างแท้จริง 7.โน
จัฏฐาเน นิโยชเย เป็นผู้ไม่แนะนำในทางที่ผิด ครูคือผู้ชี้ทางอันประเสริฐ
ครูจึงเปรียบเสมือนเพื่อน พี่ น้อง และผู้ที่เคารพบูชาทั้งหลาย
เป็นที่ปรึกษาที่สูงสุด เป็นบุรุษผู้ทรงคุณ เป็นผู้เอื้อเฟื้อและหนุนส่ง
ครูจึงจะต้องเป็นผู้แนะนำสิ่งที่ดีงาม
ในสิ่งที่เป็นประโยชน์นำความเจริญรุ่งเรืองมาแก่ชีวิตของนักเรียนหรือลูกศิษย์
ดังนั้นถ้าสมมติเหตุการณ์ว่าดิฉันเป็นครูท่านนี้ ดิฉันจะต้องจัดการกับอารมณ์ตัวเองให้ได้
จะใช้สติกับเหตุผลเข้ามาระงับและแก้ไขไม่ให้อารมณ์เข้ามาเป็นตัวควบคุมและสถานการณ์ก็จะคลี่คลายขึ้น
เหตุการณ์เลวร้ายดังข่าวนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น