DSI เข้าวัดพระธรรมกายขอค้นเพิ่ม
ด้านวัดไม่ยินยอม
พร้อมแฉเอกสารตรวจครบแล้ว !
ดีเอสไอ
เจรจาขอค้นโซนเอ-บี วัดพระธรรมกาย จ่อขยับมาตรการหากไม่ได้รับความร่วมมือ
ด้านวัดพระธรรมกาย ยืนยัน ไม่ยอมให้เข้าค้น แฉเอกสารตรวจครบแล้ว
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2560
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศความเคลื่อนไหวที่ประตู 7 วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี
หลังจากเจ้าหน้าที่กำหนดเส้นตายให้ พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
เข้ามอบตัวภายในเวลา 10.00 น. ล่าสุดมีรายงานว่า นายสมเกียรติ ธงสี ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
พร้อมคณะ และตัวแทนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
ได้ขับรถเข้าไปยังพื้นที่วัดพระธรรมกาย ประมาณ 4 คัน
เพื่อเจรจาตรวจค้นพื้นที่ควบคุมพิเศษ โซนเอ และโซนบี ของวัดพระธรรมกาย
ที่เจ้าหน้าที่ได้ขีดเส้นตายการเจรจาไว้ที่เวลา 10.00 น. จึงจะทราบผลการพูดคุยดังกล่าว
หากไม่เป็นผลก็อาจจะมีการขยับมาตรการต่อไป
ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณประตูที่
7 ล่าสุด มีกำลังเจ้าหน้าที่จากตำรวจภูธรภาค 1 สับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลัง ชุดละ 1
กองร้อย เพื่อดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่
ด้าน พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.
สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกายก็ได้ให้สัมภาษณ์ที่บริเวณริมคลองแอน หน้าประตู 6
ว่า วันนี้ทางวัดพระธรรมกายก็ยังยืนยันเจตนาเดิม
คือไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปภายในวัดอีก
เนื่องจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและตำรวจได้ตรวจค้นวัดพระธรรมกายเสร็จสิ้นแล้ว
ทั้งยังลงเป็นบันทึกให้รับทราบ และทางวัดก็ไม่ได้ขัดขวางอะไรอย่างที่เป็นข่าว
ส่วนความต้องการของคณะศิษย์วัดพระธรรมกาย ก็ต้องการให้ คสช. ยกเลิกคำสั่งมาตรา 44
เช่นเดิม
ขณะเดียวกัน ทาง สำนักสื่อสารองค์กร
วัดพระธรรมกาย ได้เปิดเผยเอกสาร บันทึกการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอภายในวัด
ใจความว่า มีการตรวจค้นละเอียด ทุกอาคาร ทุกชั้น ทุกห้อง โดยชัดเจน
ซึ่งไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ไม่พบเป้าหมาย ซึ่งถือว่าภารกิจจบสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 16
กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จึงสงสัยว่าการที่จะตรวจค้นเพิ่มนั้นมีจุดประสงค์เพิ่มเติมอะไรหรือไม่
จากการที่ข้าพเจ้าได้อ่านข่าวดีเอสไอ เจรจาขอค้นโซนเอ-บี
วัดพระธรรมกาย จ่อขยับมาตรการหากไม่ได้รับความร่วมมือ ด้านวัดพระธรรมกาย ยืนยัน
ไม่ยอมให้เข้าค้น แฉเอกสารตรวจครบแล้ว ทำให้เกิดความรู้สึกว่าถ้าทางฝ่ายวัดธรรมกายหรือพระธัมมชโยบริสุทธิ์ใจจริงทำไมถึงไม่ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจออกมาปรากฏตัวไม่ต้องหลบซ่อนกฎหมายบ้านเมือง
ไม่ต้องสร้างความเดือดร้อน และสร้างความวุ่นวายทั้งเรื่องของสงฆ์และเรื่องของฆราวาส
สร้างความวุ่นวาย ความยุ่งเหยิง เกิดเหตุการณ์เดือดร้อนในหลายๆด้าน
สังคมเกิดความวุ่นวาย ทั้งพระทั้งชาวบ้านที่ออกมาปกป้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย
แต่ต้นเหตุกลับหลบซ่อนหนีปัญหา ทางเจ้าหน้าที่ก็เดือดร้อนในหลายๆฝ่าย
เกิดความเสียหายรอบด้านผู้คนที่ออกรับหน้าแทนก็ยังถือเป็นแกนนำ กดดันเจ้าหน้าที่ทำให้ในการทำงานเกิดการติดขัดและจากข่าวดังกล่าวถ้ามองอีกมุมหนึ่ง
ถ้าทางวัด พระสงฆ์ในวัด ชาวบ้าน
ไม่ขัดขืนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้ความร่วมมือไม่ต่อต้าน
ส่งเสริมการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้มีการตรวจสอบ
อาจจะเชื่อได้เลยว่าถ้าทุกฝ่ายให้ความร่วมมือกันเวลาคงไม่ล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้
เหตุการณ์สถานการณ์ต่างๆคงจะคลี่คลาย ไม่เกิดความสูญเสีย
ไม่เกิดผลกระทบในหลายเรื่องราว
ในฐานะที่ดิฉันเป็นนักศึกษาขณะนี้กำลังศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของกฎหมาย
จากเหตุการณ์ข่าวดังกล่าวทำให้ดิฉันได้เรียนรู้ว่า
เรื่องราวความวุ่นวายต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันที่เกี่ยวกับเรื่องของข่าววัดพระธรรมกาย
มีสาเหตุเกิดมาจากคนๆเดียวซึ่งแทนตัวเองว่าเป็นพระสงฆ์และนำความศรัทธาของชาวบ้านมาเป็นเกราะกำบังหลบหนีซ่อนตัว
ปิดบัง ซ่อนเร้นหลักฐาน
ทำให้เกิดเรื่องราวบานปลายใหญ่โตมาจนถึงปัจจุบันนี้แต่ถ้าตามหลักพระพุทธศาสนาแล้ว
บุคคลที่จะไปบวชเป็นพระจะต้องมีหน้าที่ และหน้าที่ของพระสงฆ์หรือที่ว่ากิจของสงฆ์คือ
1.หน้าที่โดยพระธรรมวินัย และ 2. หน้าที่ต่อสังคมซึ่งจะประกอบไปด้วย 1.รักษาศีลให้บริสุทธิ์
2.ทำกิจวัตรต่างๆให้ครบถ้วน 3.ศึกษาไตรสิกขา 4.บริหารคณะสงฆ์ตามตำแหน่งหน้าที่
5.เผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กว้างขว้างออกไป 6.ปฏิสังขรณ์เสนาสนะ และปูชนียสถานในวัด
7.สืบต่อพระพุทธศาสนา ซี่งเป็นหน้าที่ที่ติดไปตลอดการครองสมณเพศตลอดชีวิต ซึ่งกิจของสงฆ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่พระสงฆ์จะต้องปฏิบัติให้ได้
ถ้าหากพระธัมมชโยปฏิบัติแค่หน้าที่ของสงฆ์ ดำรงตนอยู่ในความถูกต้อง ปัญหาและความวุ่นวายคงจะไม่เกิด
แต่ถ้าหากว่าท่านไม่มีความผิด
ก็ออกมาแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นออกมาแสดงความบริสุทธิ์จริงตามที่ชาวบ้านและพระอื่นๆได้ปกป้องไว้ไม่ควรหนีความผิดดังเช่นตอนนี้และให้บุคคลอื่นออกรับแทน
ดิฉันเชื่อได้เลยว่าสังคมจะไม่เกิดความขัดแย้งและเรื่องราวคดีดังกล่าวมีความคืบหน้าและคดีต่างๆของวัดพระธรรมกายจะต้องจบแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น