ข้อสอบปลายภาควิชากฎหมายการศึกษา
1. ให้นักศึกษาอธิบาย คำว่า ศีลธรรม
จารีตประเพณี และกฎหมาย เหมือนหรือต่างกันอย่างไร (5 คะแนน)
· ศีลธรรม
คือ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
ภายในจิตใจของมนุษย์จะมีความรู้สึกผิดชอบ มีสติปัญญาที่สามารถพิจารณาได้ว่าทำอะไรไปบุคคลอื่นอาจจะไม่ยินดีไม่ยินยอมอาจจะต่อสู้
ขัดขวางหรือมีการแก้แค้นได้
มนุษย์เราก็จะต้องระมัดระวังไม่กระทำในสิ่งที่อาจถูกคนอื่นตอบโต้หรืออาจจะถูกตำหนิ
ติเตียนได้
ความรู้สึกระมัดระวังเหล่านี้จะเกิดขึ้นในจิตใจของมนุษย์เองว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่ควรกระทำหรือไม่ควรกระทำที่เราเรียกว่า
ศีลธรรม
· จารีตประเพณี คือ
ระเบียบแบบแผนหรือแนวทางการประพฤติปฏิบัติที่สืบทอดกันมาช้านานและเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม
ซึ่งแต่เดิมนั้นกฎหมายก็มีที่มาหรือได้รับแนวทางจากจารีตประเพณีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
· กฎหมาย คือ กฎเกณฑ์ที่กำหนดความประพฤติของบุคคลในสังคมซึ่งบุคคลจะต้องปฏิบัติตามหรือควรจะปฏิบัติตาม
มิฉะนั้นจะได้รับผลร้ายหรือไม่ได้รับผลดีที่เป็นสภาพบังคับโดยเจ้าหน้าที่ในระบบกฎหมายและในอีกทางหนึ่งกฎหมายก็ยังเป็นสัญลักษณ์
และเป็นเครื่องมือในการแสดงออกซึ่งความยุติธรรมอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับต่อการกระทำของมนุษย์ไม่ได้มีแค่กฎหมายแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่ยังมีจารีตประเพณี ศีลธรรม และศาสนามาคอยช่วยกำกับการ
· ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า
ศีลธรรม จารีตประเพณี และกฎหมาย ทั้ง3ประเด็นนี้มีความแตกต่างกันเพราะศีลธรรมก็คือความรู้สึกรับผิดชอบภายในใจกับสิ่งที่จะกระทำและผลที่จะเกิดขึ้นหรือกล่าวง่ายๆคือ
เป็นข้อกำหนดจากจิตใจบังคับไว้ไม่ให้กระทำ ส่วนคำว่า จารีตประเพณี ก็คือ
สิ่งที่ยึดถือและปฏิบัติตามกันมาในท้องถิ่นนั้นๆทุกคนต่างยอมรับกับผลการกระทำและจะต้องมีเหตุผลและความเป็นธรรมแต่ต้องไม่ขัดกับกฎหมายบ้านเมือง
และสุดท้ายคำว่า กฎหมาย คือ สิ่งที่ทุกคนเห็นชัดอยู่แล้วเมื่อกล่าวถึง คือ
สิ่งที่กำหนดขึ้นมาเพื่อเป็นกฎของสังคมและทุกคนต้องยอมรับและปฏิบัติตามเชื่อฟังอย่างว่าง่ายแต่โดยสรุปแท้จริงแล้วทั้ง3ประเด็นที่กำหนดขึ้นมานั้นต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือสร้างประโยชน์สูงสุดภายในสังคมและต้องการให้คนบนโลกอาศัยอยู่ร่วมกันภายในสังคมได้อย่างมีความสุขไม่เกิดความขัดแย้ง
วุ่นวายกันภายในสังคม
2. คำว่าศักดิ์ของกฎหมาย
คืออะไร มีการจัดอย่างไร โปรดยกตัวอย่าง รัฐธรรมนูญ
คำสั่งคณะปฏิวัติ
คำสั่งคสช. พระราชกำหนด
พระราชกฤษฎีกา พระราชบัญญัติ เทศบัญญัติ พระบรมราชโองการ กฎกระทรวง
(5 คะแนน)
· ศักดิ์ของกฎหมาย คือ
ลำดับความสูงต่ำของกฎหมายการจัดศักดิ์ของกฎหมายมีความสำคัญต่อกระบวนวิธีการต่าง ๆ
ทางกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ การตีความ และการยกเลิกกฎหมาย เช่น
หากกฎหมายฉบับใดมีลำดับชั้นของกฎหมายสูงกว่า
กฎหมายฉบับอื่นที่อยู่ในลำดับต่ำกว่าจะมีเนื้อหาขัดหรือแย้งกับกฎหมายสูงกว่านั้นมิได้
และอาจถูกยกเลิกไปโดยปริยาย หรืออีกนัยหนึ่งคือ ลำดับความสูงต่ำของกฎหมายที่ไม่เท่าเทียมกัน
ซึ่งความไม่เท่าเทียมกันของกฎหมายแต่ละฉบับนั้น
พิจารณาได้จากองค์กรที่มีอำนาจในการออกกฎหมาย
หมายความว่ากฎหมายแต่ละฉบับจะมีชั้นของกฎหมายในระดับนั้น
ให้พิจารณาจากองค์กรที่ออกกฎหมายฉบับนั้นดังนั้นกฎหมายที่มีศักดิ์หรือลำดับชั้นต่ำกว่าหรืออาจเรียกอีกอย่างว่ากฎหมายลูก
จะต้องออกหรือตราออกมาให้มีข้อความสอดคล้องกับกฎหมายที่มีลำดับศักดิ์สูงกว่า
ซึ่งเป็นกฎหมายแม่ให้อำนาจกฎหมายลูกไว้
หากบัญญัติออกมามีข้อความขัดแย้งหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายแม่แล้ว
จะมีผลให้กฎหมายลูกที่มีศักดิ์ต่ำกว่าใช้บังคับมิได้ ดังนั้น
ศักดิ์ของกฎหมายจึงหมายถึง
ลำดับฐานะหรือความสูงต่ำของกฎหมายที่มีความสำคัญสูงกว่าหรือต่ำกว่ากัน
· ลำดับการจัด
สามารถเรียงได้ดังต่อไปนี้
§ รัฐธรรมนูญ คำสั่งคณะปฏิวัติ คำสั่งคสช.
§ พระราชกำหนด พระราชบัญญัติ
พระบรมราชโองการ
§ พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง
§ เทศบัญญัติ
· การจัดแบ่งลำดับชั้นของกฎหมายไทยสามารถจัดแบ่งลำดับชั้น ออกเป็น
7 ประเภท ดังนี้
1.
รัฐธรรมนูญ
2.
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
3.
พระราชบัญญัติ
4.
พระราชกำหนด
5.
พระราชกฤษฎีกา
6.
กฎกระทรวง
7.
กฎหมายที่ตราโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
1.
กฎหมายรัฐธรรมนูญ
เป็นกฎหมายสูงสุด
จึงเป็นแม่บทของกฎหมายทุกฉบับ
ดังนั้นกฎหมายทุกประเภทจะออกมาขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญไม่ได้
หากกฎหมายฉบับใดมีเรื่องที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ กฎหมายฉบับนั้นย่อม
บังคับใช้มิได้นอกจากนี้ยังมีกฎหมายอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ารัฐธรรมนูญได้แก่ กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์
ประกาศของคณะปฏิบัติบางฉบับ
และคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน
รัฐธรรมนูญอาจมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป ตามแต่ผู้มีอำนาจจะกำหนดเรียก เช่น
พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พ.ศ. 2475
หรือธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย
ซึ่งมักใช้ในระหว่างที่ประเทศอยู่ในอำนาจของการปฏิวัติหรือรัฐประหาร
ส่วนประกาศคณะปฏิวัติ
หรือคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินที่ให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญนั้น
แม้โดยสภาพจะมิใช่รัฐธรรมนูญ
แต่ก็มีศักดิ์เท่ากับรัฐธรรมนูญเพราะมีอำนาจยกเลิกรัฐธรรมนูญ
· 2. พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
หมายถึงกฎหมายที่อธิบายขยายความเพื่อประกอบเนื้อความในรัฐธรรมนูญให้สมบูรณ์
ละเอียดชัดเจน ตามที่รัฐธรรมนูญมอบหมายและกำหนด
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญมีกระบวนการตราไม่แตกต่างจากพระราชบัญญัติ
จะแตกต่างกันบ้างในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการควบคุมตรวจสอบว่า
ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่เท่านั้น
ในระบบกฎหมายไทยต้องถือว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญมิได้มีสถานะสูง
กว่ากฎหมายธรรมดา
3. พระราชบัญญัติ
เป็นกฎหมายที่มีชั้นลำดับรองจากรัฐธรรมนูญและเทียบเท่าพระราชบัญญัติประกอบ
รัฐธรรมนูญ
เป็นกฎหมายออกมาโดยอาศัยอำนาจของรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้รัฐสภามีอำนาจในการ
พิจารณาออกพระราชบัญญัติ เช่น
เดียวกับพระราชกำหนดที่รัฐธรรมนูญมอบอำนาจให้ฝ่ายบริหารคือคณะรัฐมนตรี พิจารณาออก
พระราชกำหนดขึ้นใช้บังคับแทนพระราชบัญญัติเป็นการชั่วคราว ฉะนั้น
พระราชบัญญัติก็ดี พระราชกำหนดก็ดี จึงขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญไม่ได้
4. พระราชกำหนด
คือ กฎหมายที่บัญญัติโดยฝ่ายบริหาร(คณะรัฐมนตรี)
พระราชกำหนดเป็นรูปแบบหนึ่งของกฎหมายที่ฝ่ายบริหารคือ พระมหากษัตริย์โดยคำแนะนำและยินยอมของคณะรัฐมนตรีตราขึ้นโดยอำนาจที่รัฐธรรมนูญให้ไว้
พระราชกำหนดมีอยู่ 2 ประเภท คือ
1. พระราชกำหนดทั่วไป
เป็นกรณีที่ตราพระราชกำหนดเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ
ความปลอดภัยสาธารณะ ความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ และ
2. พระราชกำหนดเกี่ยวกับภาษีและเงินตรา
เป็นกรณีที่ตราพระราชกำหนดเกี่ยวกับภาษีอากรหรือเงินตรา
ซึ่งต้องได้รับการพิจารณาโดยด่วนและลับเพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดินใน
ระหว่างสมัยประชุมสภา
5.
พระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกา คือ
บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นโดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ
พระราชบัญญัติ หรือพระราชกำหนด เพื่อใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน
โดยคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี มีศักดิ์ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมาย
และพระราชกำหนด
การตราพระราชกฤษฎีกา
รัฐมนตรีซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องจะอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ
หรือพระราชกำหนดนั้นๆ เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาต่อคณะรัฐมนตรีให้พิจารณา
โดยร่างพระราชกฤษฎีกานั้น จะต้องไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ
หรือพระราชกำหนดที่เกี่ยวข้อง
เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว
จะต้องนำร่างพระราชกฤษฎีกา ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระมหากษัตริย์เพื่อทรงตราพระราชกฤษฎีกานั้นๆ
นายกรัฐมนตรี
จะเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการจากนั้นจึงนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา
บังคับใช้ต่อไป
6. กฎกระทรวง
เป็นกฎหมายที่ออกมาโดยอาศัยกฎหมายแม่บท
(ได้แก่พระราชบัญญัติ หรือพระราชกำหนด) เพื่อกำหนดรายละเอียดต่างๆ ของกฎหมายแม่บท
ฉะนั้นกฎกระทรวงก็จะขัดต่อกฎหมายแม่บทไม่ได้
7.
กฎหมายที่องค์กรส่วนท้องถิ่นบัญญัติ
เป็นกฎหมายที่องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นออกโดยอาศัยอำนาจในการออกข้อบัญญัติ
ท้องถิ่นได้ด้วยตนเอง ตามพระราชบัญญัติจัดจั้งองค์กรส่วนท้องถิ่นต่างๆ เช่นข้อบังคับตำบล
เทศบัญญัติ ข้อบัญญัติจังหวัด ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร ข้อบัญญัติเมืองพัทยา
ฉะนั้นข้อบัญญัติท้องถิ่นต่างๆ จึงขัดหรือแย้งกับกฎหมายแม่บทไม่ได้
3. แชร์กันสนั่น
ครูโหดทุบหลังเด็กซ้ำ เหตุอ่านหนังสือไม่ได้ตามรายงานระบุว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ
"กวดวิชา เตรียมทหาร" ได้แชร์ภาพและข้อความที่เกิดขึ้นกับเด็กชายคนหนึ่ง
ภาพดังกล่าวเผยให้เห็นสภาพแผ่นหลังของเด็กที่มีรอยแดงช้ำ
โดยเจ้าของภาพได้โพสต์ไว้ว่า "วันนี้...ลูกชายวัย 6 ขวบ
อยู่ชั้น ป.1 ถูกครูที่โรงเรียนตีหลังมา สภาพแย่มาก..(เหตุผลเพราะอ่านหนังสือไม่ค่อยได้)
ซึ่งคนเป็นแม่อย่างเรา เห็นแล้วรับไม่ได้เลย
มันเจ็บปวดมาก...มากจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี น้ำตาแห่งความเสียใจมันไหลไม่หยุด
ถ้าเลือกได้ก็อยากจะเจ็บแทนลูกซะเอง พาลูกไปหาหมอ หมอบอกว่า
แผลที่ร่างกายเด็กรักษาหายได้ แต่แผลที่จิตใจเด็กที่ถูกทำร้าย โดนครูทำแบบนี้
มันยากที่จะหาย บาดแผลนี้มันจะติดที่..หัวใจ..ของน้องตลอดไป"
จากข้อความดังกล่าวในฐานะนักศึกษาเรียนวิชากฎหมายการศึกษาคิดอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
ซึ่งทุกคนจะต้องไปเป็นครูในอนาคตอันใกล้นี้
ให้อภิปรายแสดงความคิดเห็นปรากฏการดังกล่าวนี้ (5 คะแนน)
· จากการที่ได้อ่านข่าวเรื่องนี้ซึ่งดิฉันก็กำลังจะไปเป็นครูในอนาคตอันใกล้นั้นดิฉันอ่านแล้วสึกเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากเรื่องดังกล่าวสามารถมองได้เด่นชัดเลยว่าครูกระทำเกินกว่าเหตุ
ครูเอาอารมณ์มาเป็นตัวกำหนดตัดสินใจ ในการแก้ปัญหา
จากกรณีนักเรียนอ่านหนังสือไม่ออกซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นภายในชั้นเรียนซึ่งครูมีหน้าที่แก้ปัญหาดังกล่าว
ในเมื่อตัดสินใจเลือกที่จะประกอบอาชีพต้องทำหน้าที่นั้นให้สมบูรณ์เป็นครูมืออาชีพให้ได้ไม่ใช่แค่อาชีพครูแล้วสิ่งที่ครูพึงต้องมีคือ
จรรยาบรรณ หากมองอีกมุมหนึ่งของนักเรียนอายุเพียงแค่ 6 ขวบ ยังมีเวลาที่จะแก้ปัญหา
ครูต้องปรับตัวเองหรือเปลี่ยนวิธีการสอนแล้วหาแนวทางมาปรับกับเด็ก
เพื่อให้เด็กเกิดการเรียนรู้แล้วเกิดการพัฒนาจนนักเรียนสามารถอ่านออกเขียนได้ถูกต้อง
แต่ครูนั้นกลับแก้ปัญหาผิดจุด เอาอารมณ์มาเป็นตัวตัดสินใช้กำลังทำร้ายร่างเด็ก
ซึ่งในวัยนั้นเป็นวัยแห่งการจดจำพฤติกรรมจากนักเรียนอ่านหนังสือไม่ได้เมื่อถูกกระทำแล้วอาจเป็นไปได้ว่านักเรียนเกิดความกลัว
เกิดการฝังใจ ไม่กล้าแม้แต่จะฝึกต่อไป ไม่ได้พัฒนา หรือ
นักเรียนอาจจำพฤติกรรมรุนแรงจากครูแล้วไม่สามารถแยกแยะได้จนกลายเป็นนักเรียนแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวกลับมาอีก
ทุกคนไม่สามารถควบคุมได้ซึ่งเป็นปัญหาที่ยังเห็นได้ชัดในปัจจุบันนี้ที่วัยรุ่นไทยมีพฤติกรรมรุนแรง
แก้ปัญหาด้วยการใช้กำลังซึ่งมักมีสาเหตุมาจากการถูกกระทำแล้วจำฝังใจ
จากกรณีข่าวนี้ก็เช่นกันครูประพฤติรุนแรงกับนักเรียนอาจจะสร้างผลกระทบทางจิตใจในระยะยาวกับอนาคตก็เป็นได้
และจากข่าวข้างต้นครูประพฤติผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามข้อปฏิบัติทางวินัยจึงต้องได้รับโทษทางวินัยที่ระบุไว้ในมาตรา
96 ซึ่งต้องโทษลาออก ดังนั้นหากครูไม่ต้องการจุดจบแบบเช่นนี้ ครูควรจะระงับอารมณ์
และใช้สติในการแก้ปัญหา
4. ให้นักศึกษา ศึกษาสวอท.วิเคราะห์ตัวนักศึกษาว่าเราเป็นอย่างไร
(5 คะแนน)
· จุดแข็ง (S)
1.เวลาอาจารย์สอน
จะคิดตามสิ่งที่อาจารย์พูด
2.มาเรียนตรงเวลาและก่อนเวลาเสมอ
3.เตรียมเอกสาร
เนื้อหาก่อนมาเรียนเป็นประจำ
4.
มีการค้นคว้าเพิ่มเติมจากสิ่งที่เรียนไปจากในห้องเรียน
5.รับผิดชอบงานที่อาจารย์สั่ง
ส่งงานครบตามกำหนด และตรงต่อเวลาเสมอ
· จุดอ่อน (w)
1.สะเพร่า
ทำงานพลาด
2.ไม่ค่อยอ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอความจำสั้น
3.
เรียนหรืออ่านอะไรไปแล้วถ้าไม่ทบทวนจะลืม
4.
ความรู้ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับที่จะต้องพัฒนา ปรับปรุง และต้องฝึกฝนอีกเยอะ
5.
ติดการเสพติดsocialมากจนเกินไปจนมีขี้เกียจในบางครั้งและมักจะผัดวันประกันพรุ่งในการฝึก
ทบทวน
· โอกาส (O)
1.สามารถนำทฤษฎีที่เรียนมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้
2.อาจารย์อธิบายเนื้อหาได้ชัดเจนและเน้นย้ำสิ่งที่สำคัญเสมอ
3.มีประสบการณ์การทำงานร่วมกับผู้อื่นในกลุ่ม
และการอยู่ร่วมกันในห้องเรียน
4.สามารถถามอาจารย์ในสิ่งที่ไม่เข้าและอาจารย์จะตอบคำถามให้อีกครั้งอย่างชัดเจน
5.
ได้เรียนรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษในเรื่องใหม่ๆไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของหลักการใช้
แต่ได้รู้ลึกถึงเรื่องต่างๆเกี่ยวภาษาอังกฤษ
· อุปสรรค (T)
1.จำความหมายศัพท์บางตัวไม่ได้
2.มีปัญหาในเรื่องการใช้หลักไวยากรณ์บางตัว
3.มีกิจกรรมระหว่างเรียนทำให้เนื้อหาที่เรียนไม่ต่อเนื่องกันทำให้บางครั้งลืมเนื้อหาที่เรียน
5. ให้นักศึกษาวิจารณ์อาจารย์ผู้สอนวิชานี้ในประเด็นการสอนเป็นอย่างไร
บอกเหตุผล มีข้อดีและข้อเสีย (5 คะแนน)
· ข้อดี
1.
อาจารย์จัดการเรียนการสอนที่ทันสมัย คือ
ปรับเอาเทคโนโลยีมาใช้ในชั้นเรียน
2.
เป็นการจัดการเรียนรู้ที่ทันสมัย นักศึกษาสามารถเรียนรู้ ส่งงาน ออนไลน์ได้ตลอดเวลา
เพราะปัจจุบันนักศึกษาเกือบทุกคนต่างก็มีส่วนร่วมอยู่ในโลกออนไลน์
การเรียนแบบนี้ทำให้ง่าย และสะดวก
3.
การสั่งงานหรือการบ้านของอาจารย์มีความชัดเจน
4.
เมื่อมีการส่งงาน หรือ นำเสนองาน อาจารย์จะให้ความสนใจ
และมีการตรวจอย่างละเอียด ให้ความสำคัญกับเนื้อหา ให้นักศึกษาปรับแก้ไข
และค้นคว้าเพิ่มเติมจนนักศึกษาเกิดความเข้าใจและชัดเจนกับเนื้อหาที่ได้รับมอบหมายให้ทำ
5.
อาจารย์ให้ติดตามข่าวที่ทันสมัยและนำมาประยุกต์ความคิดเป็นของตัวเองซึ่งเป็นประโยชน์กับการไปเป็นครูในอนาคต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น